เทียบชัด! รีไฟแนนซ์รถที่ผ่อนไม่หมด vs. ปิดบัญชีเดิม แล้วกู้ใหม่
เมื่อต้องการจัดการหนี้รถยนต์ คนส่วนใหญ่มักสงสัยว่า ถ้าผ่อนยังไม่หมด จะรีไฟแนนซ์ได้หรือไม่? และการรีไฟแนนซ์ขณะผ่อนอยู่มันต่างจากการปิดบัญชีเดิมไปเลยอย่างไร? บทความนี้จะเปรียบเทียบทางเลือกทั้งสองให้เห็นภาพชัดเจน เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ถูกทาง

1. การรีไฟแนนซ์รถที่ผ่อนไม่หมด (Refinance)
นี่คือวิธีการที่ได้รับความนิยมที่สุด คือการที่ผู้ให้บริการรายใหม่ (เช่น ไอลิส) ชำระยอดหนี้คงเหลือให้แก่ไฟแนนซ์เดิม แทนคุณ แล้วคุณก็มาทำสัญญาสินเชื่อใหม่กับไอลิส โดยมีเงื่อนไขใหม่ทั้งหมด
ข้อดี:
-
ขั้นตอนสะดวก: ไฟแนนซ์ใหม่จัดการเรื่องปิดบัญชีกับไฟแนนซ์เดิมให้
-
ได้ดอกเบี้ยใหม่: อัตราดอกเบี้ยจะถูกคำนวณจากยอดหนี้คงเหลือ (หรือวงเงินใหม่ที่คุณต้องการ)
-
ได้เงินส่วนต่าง: หากวงเงินใหม่ที่อนุมัติสูงกว่ายอดปิดหนี้ คุณจะได้เงินส่วนต่างเป็นเงินสดไปใช้
ข้อควรระวัง:
-
ต้องตรวจสอบ เงื่อนไขการไถ่ถอนก่อนกำหนด (Penalty Fee) ของสัญญาเดิม ซึ่งอาจมีค่าปรับหากปิดบัญชีก่อนกำหนด 1-3 ปีแรก
2. การปิดบัญชีเดิม แล้วกู้ใหม่ (Loan Restructure/New Loan)
วิธีนี้คือการที่คุณ นำเงินสดมาปิดบัญชี กับไฟแนนซ์เดิมให้หมดด้วยตัวเอง (ซึ่งมักจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย) จากนั้นรถก็จะเป็นของคุณโดยสมบูรณ์ แล้วจึงค่อยนำ เล่มทะเบียน ที่ปลอดภาระหนี้มาขอสินเชื่อใหม่กับไอลิส (ในรูปแบบจำนำทะเบียนรถ)
ข้อดี:
-
ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าปรับ: หากสัญญาเดิมเลยช่วงที่ต้องจ่ายค่าปรับมาแล้ว
-
โอกาสได้วงเงินสูง: เพราะรถเป็นอิสระและใช้เล่มทะเบียนเป็นหลักประกันได้เต็มที่
-
ดอกเบี้ยต่ำกว่า: การขอสินเชื่อแบบจำนำทะเบียนรถ มักมีอัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันสูง
ข้อควรระวัง:
-
ต้องมีเงินก้อนสำหรับ ‘ปิดหนี้เดิม’ ก่อน จึงจะทำขั้นตอนต่อไปได้
สรุป: เลือกทางไหนดี?
-
ถ้ามีเงินก้อนพร้อมปิดหนี้: เลือก ปิดบัญชีเดิม แล้วกู้ใหม่ จะมีโอกาสได้เงื่อนไขที่ดีที่สุด
-
ถ้าไม่อยากสำรองเงินก้อน: เลือก รีไฟแนนซ์รถที่ผ่อนไม่หมด โดยให้ไฟแนนซ์ใหม่จัดการแทน เป็นทางเลือกที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากไอลิส เพื่อเปรียบเทียบตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับรถของคุณตอนนี้!
