ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์รถ แบบคงที่ vs. แบบลดต้นลดดอก ต่างกันยังไง?
ในการขอสินเชื่อรถยนต์หรือรีไฟแนนซ์ คุณจะพบกับคำว่า “ดอกเบี้ยคงที่” (Fixed Rate) และ “ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก” (Effective Rate) ซึ่งมีวิธีการคำนวณและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างมาก การทำความเข้าใจความต่างนี้จะช่วยให้คุณเลือกเงื่อนไขสินเชื่อที่คุ้มค่าที่สุดได้

1. ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate)
วิธีคำนวณ: คำนวณจาก เงินต้นรวมทั้งสัญญา ตั้งแต่วันแรก ดอกเบี้ยคงที่จะถูกบวกเข้าไปในยอดหนี้รวม แล้วหารด้วยจำนวนงวดผ่อน
-
ข้อดี: ค่างวดต่อเดือนจะ เท่ากันทุกงวด ทำให้วางแผนการเงินง่าย
-
ข้อเสีย: แม้คุณจะผ่อนไปหลายงวดและเงินต้นลดลง แต่จำนวนดอกเบี้ยที่คุณจ่ายต่อเดือน จะไม่ลดลงตาม และหากต้องการปิดบัญชีก่อนกำหนด คุณอาจประหยัดดอกเบี้ยได้ไม่มากเท่าที่ควร
-
ตัวอย่างการใช้: สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทั่วไปมักใช้ดอกเบี้ยประเภทนี้
2. ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate)
วิธีคำนวณ: คำนวณดอกเบี้ยจาก เงินต้นที่เหลืออยู่ ในแต่ละเดือนเท่านั้น หมายความว่ายิ่งคุณผ่อนไปมากเท่าไหร่ เงินต้นยิ่งลด ดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่ายในงวดถัดไปก็จะยิ่งลดลง
-
ข้อดี: ประหยัดดอกเบี้ยได้จริง ในระยะยาว และหากคุณโปะเงินเพิ่ม ดอกเบี้ยรวมก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
-
ข้อเสีย: ค่างวดต่อเดือนจะไม่เท่ากันตลอด (งวดแรก ๆ จ่ายดอกเบี้ยเยอะ งวดหลัง ๆ จ่ายดอกเบี้ยน้อย) แต่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่มักคำนวณค่างวดแบบรวมให้เท่ากันตลอดเพื่อความสะดวก
-
ตัวอย่างการใช้: สินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อส่วนบุคคลบางประเภท รวมถึง สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์บางรูปแบบ
ตารางเปรียบเทียบโดยย่อ
ลักษณะ ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) ดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ฐานคำนวณดอกเบี้ย ยอดเงินกู้เริ่มต้น (คงที่) ยอดเงินต้นคงเหลือ (ลดลงเรื่อย ๆ) ค่างวดรายเดือน เท่ากันทุกเดือน มักถูกคำนวณเฉลี่ยให้เท่ากัน, แต่ดอกเบี้ยลดลงตามเวลา การโปะก่อนกำหนด ประหยัดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า ประหยัดดอกเบี้ยได้มาก สรุป (Call to Action)
การรีไฟแนนซ์รถยนต์คือโอกาสในการเลือกอัตราดอกเบี้ยที่คุ้มค่ากว่าเดิม อย่าลืมสอบถามผู้ให้บริการว่าใช้อัตราดอกเบี้ยแบบใด
รับข้อเสนอรีไฟแนนซ์ที่โปร่งใส! ปรึกษาไอลิสเพื่อทำความเข้าใจอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่เหมาะสมกับคุณ
